คืนภาษีมีวิธีการอย่างไร

คืนภาษี

โปรโมชั่นสุดพิเศษ (หากตกลงทำบัญชีกับเราภายในเดือนนี้)

  1. ทำบัญชีให้ฟรีเดือนแรก (หากรู้สึกว่าไม่คลิ๊ก คุณสามารถเปลี่ยนสำนักงานบัญชีได้ในเดือนถัดไป โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ)
  2. ให้สิทธิ์ใช้โปรแกรมบัญชีออนไลน์ (PEAK) ฟรีตลอดการใช้บริการกับทางเรา (เฉพาะลูกค้าที่ไม่เคยใช้โปรแกรม PEAK เท่านั้น)
  3. สอนการใช้งานโปรแกรมบัญชีออนไลน์ (PEAK) เบื้องต้น
  4. แจกคอร์ส VDO ออนไลน์ (กว่า 30 ชั่วโมง) เกี่ยวกับบัญชี ภาษี ฟรี คุณสามารถไปเรียนรู้เพิ่มเติมทางด้านบัญชีภาษีด้วยตัวเองได้ ตัวอย่างเนื้อหาหลักสูตรตามนี้

ติดต่อ : คุณวิน 087-6732884 Line ID : @618kssyt

ไม่ว่าเราจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล ในระหว่างปี บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลนั้นจะมีการเสียภาษีออกไปก่อนจากการยื่นภาษีกลางปี หรือการถูกหัก ณ ที่จ่ายเอาไว้ ดังนั้นการขอคืนภาษีจึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ว่าเราจะขอคืนภาษีต่างๆได้อย่างไร ในบทความนี้เราจะมาอธิบายในเรื่องการขอคืนภาษีแต่ละประเภทกัน

การขอคืนภาษีเงินได้ของบุคคล

ก่อนอื่นที่จะทำความเข้าใจเกี่ยวกับการขอคืนภาษีเงินได้ของบุคคล ผมขออธิบายก่อนครับว่าปกติแล้วหากเรามีเงินได้เราก็ต้องยื่นภาษีประจำปีโดยใช้แบบ ภงด.90 (กรณีที่มีเงินได้หลายประเภท) และ ภงด.91 (เป็นกรณีที่มีเงินได้ประเภท 40(1) ประเภทเดียว)

นอกจากนี้สำหรับผู้มีเงินได้ถึงพึงประเมินประเภท 40(5) 40(6) 40(7) 40(8) จะต้องยื่นภาษีเงินได้ครึ่งปีด้วย โดยใช้แบบ ภงด.94

โดยปกติแล้วกรณีบุคคลธรรมดา เราจะมีการเสียภาษีไปก่อนล่วงหน้าได้ 2 กรณีคือ

  1. การยื่นภาษีเงินได้ครึ่งปีสำหรับผู้มีเงินได้ถึงพึงประเมินประเภท 40(5) 40(6) 40(7) 40(8)
  2. การถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย สำหรับเงินได้ประเภทค่าบริการต่างๆ

ในการคำนวณภาษีเงินได้ประจำปีโดยใช้ ภงด.90 หรือ ภงด.91 หากภาษีประจำปีที่คำนวณได้นั้น มากกว่า ภาษีที่เราจ่ายออกไปล่วงหน้านั่นหมายความว่าเราจะต้องจ่ายชำระภาษีเพิ่มเติม ยกตัวอย่างเช่น นาย A ยื่นเสียภาษีกลางปีโดยใช้แบบ ภงด.94 เป็นจำนวน 100 บาท และในระหว่างปีนาย A ถูกหัก ณ ที่จ่ายไปทั้งสิ้น 150 บาท ดังนั้นภาษีที่นาย A จ่ายไปล่วงหน้าคือ 100 + 150 = 250 บาท ตอนสิ้นปีนาย A คำนวณภาษีเงินได้ประจำปีได้ที่ 300 บาท ดังนั้นนาย A ก็จะต้องเสียภาษีเพิ่มเติมเป็นจำนวน 300 – 250 = 50 บาท เป็นต้น

หากภาษีประจำปีที่คำนวณได้นั้น น้อยกว่า ภาษีที่เราจ่ายออกไปล่วงหน้านั่นหมายความว่าเรามีสิทธิขอคืนภาษีที่จ่ายเกินไปได้ ยกตัวอย่างเช่น นาย B ยื่นเสียภาษีกลางปีโดยใช้แบบ ภงด.94 เป็นจำนวน 50 บาท และในระหว่างปีนาย B ถูกหัก ณ ที่จ่ายไปทั้งสิ้น 100 บาท ดังนั้นภาษีที่นาย A จ่ายไปล่วงหน้าคือ 50 + 100 = 150 บาท ตอนสิ้นปีสมมติว่านาย B คำนวณภาษีเงินได้ประจำปีได้ที่ 100 บาท ดังนั้นนาย B ก็จะมีสิทธิขอคืนภาษีได้เป็นจำนวน 150 – 100 = 50 บาท เป็นต้น

ในการขอคืนภาษีจะสามารถทำเรื่องขอคืนโดยการเขียนคำร้องขอคืนเงินภาษีได้ในตัวแบบ ภงด.90 ได้เลยดังนี้

ขอคืนภาษี ภงด 90

ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ดังนี้ : ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาคำนวณอย่างไร? / ผู้มีเงินได้มีหน้าที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ของบุคคลอย่างไร และเมื่อใด?

การขอคืนภาษีของนิติบุคคล

หากเราจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล เราก็มีหน้าที่ต้องยื่นเสียภาษีปีละ 2 ครั้งเช่นกัน นั่นคือการยื่นเสียภาษีประจำปีโดยใช้แบบ ภงด.50 และการยื่นแบบภาษีครึ่งปีโดยใช้แบบ ภงด.51

โดยปกติแล้วนิติบุคคลจะเสียภาษีล่วงหน้าได้ใน 2 กรณีนั่นคือ

  1. ภาษีเงินได้ที่นิติบุคคลถูกหัก ณ ที่จ่ายเอาไว้จากรายได้ค่าบริการ
  2. ภาษีเงินได้ครึ่งปีโดยการยื่นแบบ ภงด.51

ในการคำนวณภาษีเงินได้ประจำปี หากภาษีประจำปี มากกว่า ภาษีที่นิติบุคคลจ่ายล่วงหน้า เราก็จะต้องจ่ายภาษีเพิ่มเติม ยกตัวอย่างเช่น บริษัท C คำนวณแบบ ภงด.50 ภาษีเงินได้ประจำปีได้จำนวน 1,000 บาท และบริษัทได้มีการจ่ายภาษีครึ่งปีแล้วเป็นจำนวน 400 บาท และมีภาษีที่ถูกหัก ณ ที่จ่ายเอาไว้เป็นจำนวน 200 บาท แสดงว่าบริษัทนี้มีภาษีที่จ่ายล่วงหน้าเป็นจำนวน 600 บาท ดังนั้นบริษัทก็จะต้องจ่ายภาษีเพิ่มเติมเป็นจำนวน 1,000 – 600 = 400 บาท

หากภาษีประจำปี น้อยกว่า ภาษีที่จ่ายล่วงหน้า เราก็จะมีสิทธิในการขอคืนภาษีได้ ยกตัวอย่างเช่น บริษัท D คำนวณแบบ ภงด.50 ภาษีเงินได้ประจำปีได้จำนวน 500 บาท และบริษัทได้มีการจ่ายภาษีครึ่งปีแล้วเป็นจำนวน 300 บาท และมีภาษีที่ถูกหัก ณ ที่จ่ายเอาไว้เป็นจำนวน 400 บาท แสดงว่าบริษัทนี้มีภาษีที่จ่ายล่วงหน้าเป็นจำนวน 700 บาท ดังนั้นบริษัทก็จะมีสิทธิขอคืนภาษีได้เป็นจำนวน 700 – 500 = 200 บาทนั่นเอง

ในการขอคืนภาษีของนิติบุคคลจะสามารถทำเรื่องขอคืนโดยการเซ็นชื่อในช่องคำร้องขอคืนเงินภาษีได้ในตัวแบบ ภงด.50 ได้เลยดังนี้

ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ดังนี้ : ภาษีเงินได้นิติบุคคลคืออะไร? / ภงด 50 และ ภงด 51 คืออะไร?

การขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม

ไม่ว่าเราจะทำธุรกิจในรูปแบบบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล เรามีหน้าที่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หากเรามียอดขายเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะต้องมีการนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นรายเดือนโดยใช้แบบ ภพ.30

ในแต่ละเดือนหากภาษีขาย มากกว่า ภาษีซื้อ เราจะต้องนำส่งภาษีเพิ่มเติมให้แก่กรมสรรพากร ยกตัวอย่างเช่น บรัท E มีภาษีขายประจำเดือนที่ 2,000 บาท และมีภาษีซื้อที่ 1,500 บาท ดังนั้นบริษัท E จะต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มเติมเป็นจำนวน 2,000 – 1,500 = 500 บาท

ในแต่ละเดือนหากภาษีขาย น้อยกว่า ภาษีซื้อ เราก็จะสามารถเลือกได้ 2 ทางคือ การขอคืนภาษี หรือ การขอนำภาษีไปเครดิตในเดือนถัดไป ยกตัวอย่างเช่น บรัท F มีภาษีขายประจำเดือนที่ 3,000 บาท และมีภาษีซื้อที่ 4,500 บาท ดังนั้นบริษัท F จะสามารถขอคืนภาษีได้ หรือขอเครดิตภาษีได้เป็นจำนวน 4,500 – 3,000 = 1,500 บาท

หากบริษัทต้องการขอเครดิตภาษีไปใช้ในเดือนถัดไปก็กรอกข้อมูลในแบบตามปกติ แต่หากต้องการขอคืนภาษีเป็นเงิน บริษัทจะสามารถทำเรื่องขอคืนโดยการเซ็นชื่อในช่องการขอคืนภาษีในตัวแบบ ภพ.30 ได้เลยดังนี้

ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ดังนี้ : ภาษีมูลค่าเพิ่มคืออะไร?

การขอคืนภาษีในกรณีอื่น

จะเห็นได้ว่าในขอคืนภาษีตามที่ได้อธิบายไปทุกๆภาษีจะเป็นการทำเรื่องขอคืนในแบบที่ยื่นภาษีได้เลย แต่อย่างไรก็ตามหากเราไม่ได้ทำเรื่องขอคืนในแบบภาษีดังกล่าว เราก็สามารถทำเรื่องขอคืนภาษีได้อีก 1 ช่องทางโดยการกรอกคำร้องขอคืนภาษีโดยใช้แบบ ค.10 ดังนี้

ขอคืนภาษีด้วย ค.10

ในแบบ ค.10 นั้นสามารถทำเรื่องขอคืนได้ในทุกๆประเภทภาษี ทั้งภาษีเงินได้ของบุคคล ภาษีของนิติบุคคล ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ อากรแสตมป์ ภาษีการรับมรดก และภาษีอื่นๆ โดยข้อมูลสำคัญที่ต้องกรอกในแบบ ค.10 นั้นมีดังต่อไปนี้

  1. ชื่อและเลขประจำตัวผู้เสียภาษีของผู้ขอคืน
  2. ชื่อสถานประกอบการ
  3. ที่อยู่
  4. ประเภทภาษีอากรที่ขอคืน
  5. มูลเหตุที่ขอคืน
  6. รายละเอียดของมูลเหตุที่ขอคืน
  7. เอกสารที่ยื่นประกอบคำร้อง

สิ่งที่จะตามมาหากเราขอคืนภาษี

ก่อนที่เราจะเลือกขอคืนภาษี แน่นอนว่าเราจะต้องมั่นใจมากๆว่าข้อมูลเอกสารหลักฐานต่างๆที่เราใช้ในการเสียภาษีนั้นถูกต้องและครบถ้วน เพราะเราจะมีความเสี่ยงที่จะถูกสรรพากรเรียกเอกสารไปตรวจสอบในการขอคืนภาษี

จากประสบการณ์ที่ผมเห็นนั้นมีหลายกรณีมากๆที่ขอคืนภาษีไปแล้ว ถูกเรียกเตรวจและถูกประเมินภาษีเพิ่มเติม ซึ่งภาษีเพิ่มเติมนั้นมากกว่าภาษีที่จะขอคืน ทำให้ต้องเสียเงินเพิ่มเติมแทนที่จะได้เงินภาษีคืน ดังนั้นเราจะต้องมั่ยใจมากๆว่าเราทำถูกต้องก่อนที่จะเลือกขอคืนภาษี

สรุป

การขอคืนภาษีนั้นมีหลากหลายรูปแบบมากตามที่ได้อธิบายไปแล้วในบทความนี้ ก่อนที่เราจะขอคืนภาษีนั้นเราควรมีความมั่นใจว่าเราได้ทำข้อมูลต่างๆถูกต้องแล้ว เนื่องจากจะต้องถูกสรรพากรตรวจสอบ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกท่านนะครับ

ติดต่อมาได้เลยครับ ผมยินดีให้คำปรึกษา

(คุณวิน 087-6732884 Line ID : @618kssyt)

ติดต่อ Line ดูรีวิวจากลูกค้า

ช่วยแชร์บทความให้หน่อยครับ