ฐานภาษีเป็นฐานจำนวนเงินที่ใช้ในการคำนวณเพื่อเสียภาษี ซึ่งภาษีแต่ละประเภทก็จะมีการใช้ฐานภาษีที่แตกต่างกันไปในการคำนวณ
ฐานภาษีคืออะไร
ฐานภาษีเป็นฐานจำนวนเงินที่ใช้ในการคำนวณเพื่อเสียภาษี ยกตัวอย่างเช่น ภาษีเงินได้ของบุคคล ฐานภาษีคือ เงินได้สุทธิซึ่งเกิดจากการนำเอาเงินได้พึงประเมินหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน ฐานภาษี หรือกรณีภาษีมูลค่าเพิ่ม ฐานภาษีมูลค่าเพิ่มคือ มูลค่าของสินค้าและบริการ เป็นต้น
ประเภทของฐานภาษี
ฐานภาษีหากเราลองแบ่งตามที่มาในการจัดเก็บจะสามารถแบ่งได้ออกเป็น 3 ประเภทหลักๆดังนี้
- ฐานภาษีจัดเก็บจากฐานรายได้ : กรณีนี้หากผู้ประกอบการมีรายได้มากก็จะต้องเสียภาษีมาก ยกตัวอย่างเช่น ภาษีเงินได้ของบุคคล ที่เก็บภาษีจากฐานเงินได้สุทธิ หรือ ภาษีของนิติบุคคล ที่เก็บจากฐานกำไรสุทธิ
- ฐานภาษีจัดเก็บจากฐานการบริโภค : กรณีนี้หากผู้เสียภาษีบริโภคมาก ก็จะต้องเสียภาษีมาก เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่เสียภาษีจากมูลค่าสินค้าหรือบริการ ภาษีสรรพสามิต ภาษีศุลกากร
- ฐานภาษีจัดเก็บจากทรัพย์สิน : กรณีนี้หากผู้ประกอบการมีทรัพย์สินมากก็จะต้องเสียภาษีมาก เช่น ภาษีรถยนต์ ภาษีที่ดิน เป็นต้น
ฐานภาษีเงินได้ของบุคคล
ฐานภาษีเงินได้ของบุคคล เป็นฐานภาษีที่เรียกเก็บจากเงินได้สุทธิ ซึ่งมีวิธีในการคำนวณดังนี้
เงินได้สุทธิ = เงินได้พึงประเมิน – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน
เมื่อได้เงินได้สุทธิแล้วก็ต้องคำนวณหาภาษีเงินได้ของบุคคล โดยเอาเงินได้สุทธิไปเข้าไปคำนวณในตารางอัตราภาษีดังนี้
จะเห็นได้ว่ายิ่งมีเงินได้มาก ก็คือการมีฐานภาษีมาก ก็จะต้องเสียภาษีมากขึ้นนั่นเอง
ศึกษาเพิ่มเติมวิธีการคำนวณ : ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาคำนวณอย่างไร
ฐานภาษีของนิติบุคคล
ฐานภาษีของนิติบุคคล เป็นฐานภาษีที่เรียกเก็บจากกำไรสุทธิทางภาษี ซึ่งมีวิธีในการคำนวณดังนี้
กำไรสุทธิทางบัญชี = รายได้ – ค่าใช้จ่าย
กำไรสุทธิทางภาษี = กำไรสุทธิทางบัญชี + ค่าใช้จ่ายที่ไม่ให้ถือเป็นรายจ่ายทางภาษี – รายได้ที่ไม่ถือเป็นรายได้ทางภาษี
เมื่อได้กำไรสุทธิทางภาษีแล้วก็ต้องคำนวณหาภาษีของนิติบุคคล โดยเอากำไรสุทธิทางภาษีไปคำนวณในตารางอัตราภาษีดังนี้
ตารางอัตราภาษีข้างต้นจะแบ่งออกเป็น 2 กรณีคือกรณีที่เป็น SME และ Non SME
จะเห็นได้ว่ายิ่งมีกำไรสุทธิทางภาษีมาก ก็คือการมีฐานภาษีมาก ก็จะต้องเสียภาษีมากขึ้นนั่นเอง
ศึกษาเพิ่มเติมวิธีการคำนวณ : ภาษีเงินได้นิติบุคคลคืออะไร
ฐานภาษีมูลค่าเพิ่ม
ฐานภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็นฐานภาษีที่เรียกเก็บจากการอุปโภคบริโภค นั่นคือมูลค่าของสินค้าและบริการที่ขาย ยกตัวอย่างวิธีในการคำนวณดังนี้
ภาษีขาย = ยอดขาย x 7%
ภาษีซื้อ = ยอดซื้อ x 7%
ภาษีมูลค่าเพิ่มที่นำส่งสิ้นเดือน = ภาษีขาย – ภาษีซื้อ
จะเห็นได้ว่ายิ่งมียอดขายมาก ก็คือการมีฐานภาษีมูลค่าเพิ่มมาก ก็จะต้องเสียภาษีมากขึ้นนั่นเอง
ฐานภาษีมูลค่าเพิ่มจะแบ่งออกได้เป็น 4 กรณีดังนี้
- ฐานภาษีมูลค่าเพิ่มกรณีทั่วไป
- ฐานภาษีมูลค่าเพิ่มกรณีส่งออก
- ฐานภาษีมูลค่าเพิ่มกรณีนำเข้า
- ฐานภาษีมูลค่าเพิ่มกรณีพิเศษ
ฐานภาษีมูลค่าเพิ่มกรณีทั่วไป – คือ มูลค่าทั้งหมดที่ผู้ประกอบการได้รับหรือพึงได้รับจากการขายสินค้า หรือให้บริการ รวมไปถึงภาษีสรรพสามิต แต่ไม่รวมถึง
- ส่วนลดหรือค่าลดหย่อน ที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนได้ลดให้ในขณะขายสินค้า
- ค่าชดเชยหรือเงินอุดหนุนตามที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี
- ภาษีขาย
- ค่าตอบแทนที่มีลักษณะ และเงื่อนไขตามที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี
ฐานภาษีมูลค่าเพิ่มกรณีส่งออก – ราคา F.O.B + ภาษีสรรพสามิต + ภาษีอื่นๆ + ค่าธรรมเนียมอื่น แต่ไม่รวมอากรขาออก
ฐานภาษีมูลค่าเพิ่มกรณีนำเข้า – ราคา C.I.F + ภาษีสรรพสามิต + อากรขาเข้า
หมายเหตุ : ราคา F.O.B. คือ ราคาสินค้า ณ ด่านศุลกากร ไม่รวมกับค่าขนส่ง และค่าประกันภัย ราคา C.I.F. คือ ราคาสินค้ารวมประกันภัย กับค่าระวางหรือค่าขนส่ง
ฐานภาษีมูลค่าเพิ่มกรณีพิเศษ ยกตัวอย่างเช่น
- หากขายสินค้า/บริการ โดยไม่มีค่าตอบแทน หรือค่าตอบแทนต่ำกว่าตลาด โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร มูลค่าของฐานภาษีมูลค่าเพิ่มจะยึตามราคาตลาด
- หากมีการนำสินค้าไปใช้เองส่วนตัว ไม่ได้นำไปใช้ในกิจการ มูลค่าของฐานภาษีมูลค่าเพิ่มจะยึดตามราคาตลาด
- สินค้าขาดจากรายงานสินค้าคงเหลือ จะถือว่าเป็นการขาย ให้ใช้ราคาตลาดของสินค้าที่สูญหาย เป็นฐานภาษีมูลค่าเพิ่ม
- สินค้าคงเหลือ หรือ สินทรัพย์ถาวรคงเหลือ ณ วันที่เลิกกิจการ จะถือเป็นการขาย ให้ใช้ราคาตลาด ณ วันเลิกประกอบกิจการเป็นมูลค่าฐานภาษีมูลค่าเพิ่ม
ศึกษาเพิ่มเติมวิธีการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม: ภาษีมูลค่าเพิ่มคืออะไร
ฐานภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย
ฐานภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย เป็นฐานภาษีที่เรียกเก็บจากการจ่ายค่าบริการตามกฎหมายที่จะต้องมีการหักและนำส่งไว้ ซึ่งมีวิธีในการคำนวณดังนี้
รายจ่ายค่าบริการ = มูลค่าบริการ x อัตราภาษี
จะเห็นได้ว่ายิ่งมีรายจ่ายค่าบริการมาก ก็คือการมีฐานภาษีมาก ก็จะต้องเสียภาษีมากขึ้นนั่นเอง
ศึกษาเพิ่มเติมวิธีการคำนวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย: ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายคืออะไร
สรุป
ฐานภาษีเป็นเรื่องสำคัญมาก ที่ผู้ประกอบการต้องมีความเข้าใจเนื่องจากจะส่งผลต่อความถูกต้องในการคำนวณภาษี เนื่องจากฐานภาษีนั้นมีหลายประเภท หวังว่าผู้อ่านทุกท่านจะได้ความรู้มากขึ้นนะครับ
ติดต่อมาได้เลยครับ ผมยินดีให้คำปรึกษา
(คุณวิน 087-6732884 Line ID : @618kssyt)
ติดต่อ Line ดูรีวิวจากลูกค้า