ใบส่งของ คืออะไร? เรามาทำความเข้าใจกัน

ใบส่งของ

โปรโมชั่นสุดพิเศษ (หากตกลงทำบัญชีกับเราภายในเดือนนี้)

  1. ทำบัญชีให้ฟรีเดือนแรก (หากรู้สึกว่าไม่คลิ๊ก คุณสามารถเปลี่ยนสำนักงานบัญชีได้ในเดือนถัดไป โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ)
  2. ให้สิทธิ์ใช้โปรแกรมบัญชีออนไลน์ (PEAK) ฟรีตลอดการใช้บริการกับทางเรา (เฉพาะลูกค้าที่ไม่เคยใช้โปรแกรม PEAK เท่านั้น)
  3. สอนการใช้งานโปรแกรมบัญชีออนไลน์ (PEAK) เบื้องต้น
  4. แจกคอร์ส VDO ออนไลน์ (กว่า 30 ชั่วโมง) เกี่ยวกับบัญชี ภาษี ฟรี คุณสามารถไปเรียนรู้เพิ่มเติมทางด้านบัญชีภาษีด้วยตัวเองได้ ตัวอย่างเนื้อหาหลักสูตรตามนี้

ติดต่อ : คุณวิน 087-6732884 Line ID : @618kssyt

ใบส่งของ เป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าผู้ขายสินค้าได้ส่งมอบสินค้าให้แก่ผู้ซื้อแล้ว เรามาทำความเข้าใจรายละเอียดกันได้ในบทความนี้

ใบส่งของ คืออะไร?

ใบส่งของ เป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าผู้ขายสินค้าได้ส่งมอบสินค้าให้แก่ผู้ซื้อแล้ว ซึ่งในเอกสารใบส่งของจะต้องมีลายเซ็นของผู้ส่งของ (จากทางฝั่งผู้ขาย) และลายเซ็นผู้รับของ (จากทางฝั่งผู้ซื้อ)

สำหรับกระบวนการในการจัดส่งสินค้า เวลาที่ผู้ขาย ขายสินค้าให้แก่ผู้ซื้อก็จะต้องมีการตรวจนับจำนวนสินค้า พร้อมตรวจสอบคุณภาพสินค้าว่าได้มาตรฐานและจำนวนถูกต้อง และส่งสินค้าดังกล่าวไปพร้อมกับใบส่งของ ที่มีลายเซ็นจากเจ้าหน้าที่ทางฝั่งผู้ขาย เมื่อถึงสถานที่ของผู้ซื้อแล้ว ผู้ซื้อก็จะมีแผนกรับสินค้ามาตรวจสอบว่าสินค้าที่ถูกส่งมานั้นถูกต้องตรงกันกับเอกสารใบส่งของหรือไม่ และผู้ที่มีหน้าที่รับสินค้าควรตรวจสอบในระบบด้วยว่าบริษัทได้สั่งซื้อสินค้าตรงตามของที่จัดส่งมา (Three way match – คือการสอบยันเอกสารระหว่าง ใบสั่งซื้อ ใบส่งของ และ ใบแจ้งหนี้ ว่าเอกสารถูกต้องตรงกันทั้งหมด)

ดูบทความที่เกี่ยวข้องได้ที่ :

ใบแจ้งหนี้ ใบวางบิล

ใบกำกับภาษีคืออะไร

ตัวอย่างและรายละเอียดใบส่งของ

เราลองมาดูตัวอย่างของใบส่งของกันดังต่อไปนี้

ตัวอย่างใบส่งของ

ขอบคุณที่มาเอกสาร : https://www.babform.com/

ใบส่งของนั้นจะมีรายละเอียดต่างๆที่สำคัญดังต่อไปนี้

  1. เลขที่อ้างอิงเอกสาร : เล่มที่ เลขที่

ปกติแล้วในการออกเอกสารจะต้องมีการ Run เลขที่ให้ต่อเนื่องกันไป เวลาที่ทางบริษัทต้องการหาเอกสารก็ได้หาเอกสารได้ง่ายโดยดูจากเลขที่อ้างอิงเอกสาร นอกจากนี้การ Run เลขที่เอกสารยังช่วยตรวจสอบในเรื่องของความครบถ้วนได้การบันทึกบัญชีได้อีกด้วย โดยเช็คจากเลขสุดท้าย ว่าได้ถูกบันทึกบัญชีเข้าไปตามลำดับรึยัง

  1. คำว่า “ใบส่งของ” บนเอกสาร

เพื่อให้ทราบว่าเอกสารดังกล่าวคือใบอะไร ซึ่งเอกสารแต่ละอย่างจะมีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันไปดังต่อไปนี้

ใบส่งของ – เพื่อเป็นหลักฐานในการส่งของ ตามที่อธิบายไปแล้วในหัวข้อก่อนหน้านี้

ใบแจ้งหนี้ – เพื่อเป็นหลักฐานว่าบริษัทผู้ซื้อสินค้าเป็นหนี้ผู้ขายสินค้า และมีภาระที่ต้องชำระหนี้ให้แก่ผู้ขาย

ใบกำกับภาษี – เพื่อเป็นหลักฐานในการเกิดภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยที่ผู้ขายมีหน้าที่ต้องนำส่งภาษีขาย และผู้ซื้อมีสิทธิ์ในการขอเคลมภาษีซื้อได้

  1. วันที่

เพื่อให้ทราบว่าการส่งของตามใบส่งของนั้นเกิดขึ้น ณ วันที่เท่าไหร่

  1. ชื่อผู้ขาย

เพื่อแสดงรายละเอียดรายชื่อของผู้ขาย ว่าผู้ขายสินค้านั้นเป็นใคร

  1. ที่อยู่ผู้ขาย

เพื่อแสดงรายละเอียดที่อยู่ของผู้ขาย ว่าผู้ขายสินค้านั้นอยู่ที่ไหน

  1. นามลูกค้า (ชื่อผู้ซื้อและที่อยู่ผู้ซื้อ)

เพื่อแสดงรายละเอียดรายชื่อของผู้ซื้อ ว่าผู้ซื้อสินค้านั้นเป็นใคร และเพื่อแสดงรายละเอียดที่อยู่ของผู้ซื้อว่าผู้ซื้อสินค้านั้นอยู่ที่ไหน

  1. รายละเอียดสินค้า

ในใบส่งสินค้าควรที่จะมีรายละเอียดของสินค้าที่จัดส่งดังนี้

  • ลำดับที่
  • รายการ หรือ รายละเอียดสินค้า
  • จำนวนสินค้า
  • หน่วย
  • ราคา / หน่วย
  • รวมเงินในแต่ละสินค้าที่จัดส่ง
  • จำนวนเงินรวมทั้งสิ้น

ในรายละเอียดสินค้าจะมีประโยชน์ทำให้ทราบว่าสินค้าที่จัดส่งคืออะไร ทำให้ผู้รับสินค้าสามารถตรวจสอบสินค้าที่จัดส่งมา ว่าถูกต้องตรงกันตามเอกสารหรือไม่ (Three way match – คือการสอบยันเอกสารระหว่าง ใบสั่งซื้อ ใบส่งของ และ ใบแจ้งหนี้ ว่าเอกสารถูกต้องตรงกันทั้งหมด)

  1. ลายมือชื่อผู้รับของ (เพื่อเป็นหลักฐานในการรับของให้แก่ผู้ขาย)
  2. ลายมือชื่อผู้ส่งของ (เพื่อเป็นหลักฐานในการส่งของให้แก่ผู้ซื้อ)

ใบส่งของ ใบแจ้งหนี้ ใบกำกับภาษี แตกต่างกันอย่างไร?

หลายคนอาจจะยังสงสัยว่าเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการส่งของนั้นทำไมมีหลายแบบจัง โดยมีทั้ง ใบส่งของ ใบแจ้งนี้ ใบกำกับภาษี เอกสารต่างๆเหล่านี้มีความแตกต่างกันอย่างไร?

คำตอบก็คือ เอกสารแต่ละอย่างจะมีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันไปดังต่อไปนี้

ใบส่งของ – เพื่อเป็นหลักฐานในการส่งของ ตามที่อธิบายไปแล้วในหัวข้อก่อนหน้านี้

ใบแจ้งหนี้ – เพื่อเป็นหลักฐานว่าบริษัทผู้ซื้อสินค้าเป็นหนี้ผู้ขายสินค้า และมีภาระที่ต้องชำระหนี้ให้แก่ผู้ขาย

ใบกำกับภาษี – เพื่อเป็นหลักฐานในการเกิดภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยที่ผู้ขายมีหน้าที่ต้องนำส่งภาษีขาย และผู้ซื้อมีสิทธิ์ในการขอเคลมภาษีซื้อได้

ซึ่งในความเป็นจริงในธุรกิจเอกสารต่างๆเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องแยกกันคนละใบ แต่อาจมารวมกันในใบเดียวกันได้ เพราะข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวกับการส่งของนั้นเหมือนกันอยู่แล้ว เช่น

ใบส่งของ / ใบกำกับภาษี – เอกสารแบบนี้จะพบได้บ่อยมาก คือเอกสารดังกล่าวจะถือเป็นหลักฐานในการส่งของด้วย และถือเป็นหลักฐานในการเกิดภาษีมูลค่าเพิ่ม ในใบเดียวกันไปเลย (Tax point ของภาษีมูลค่าเพิ่มจะเกิดขึ้นเมื่อมีการส่งของ) โดยผู้ขายอาจมีการส่ง ใบแจ้งหนี้ ไปอีกรอบหรือไม่ก็ได้ หากไม่ได้ส่งใบแจ้งหนี้ไปอีกรอบก็จะถือว่าเอกสารนี้ ใบส่งของ / ใบกำกับภาษี แทนใบแจ้งหนี้ไปเลยก็มี

ใบแจ้งหนี้ / ใบส่งของ / ใบกำกับภาษี – เอกสารแบบนี้ก็จะสามารถพบได้ คือเอกสารดังกล่าวจะถือเป็นหลักฐานในการแจ้งหนี้ หลักฐานในการส่งของ และถือเป็นหลักฐานในการเกิดภาษีมูลค่าเพิ่ม ในใบเดียวกันไปเลย

สรุปใบส่งของ

ใบส่งของเป็นหลักฐานที่สำคัญในการส่งมอบสินค้า ดังนั้นผู้ขายจึงควรออกใบส่งของให้มีข้อมูลที่ครบถ้วน เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ครับ

ติดต่อมาได้เลยครับ ผมยินดีให้คำปรึกษา

(คุณวิน 087-6732884 Line ID : @618kssyt)

ติดต่อ Line ดูรีวิวจากลูกค้า