ค่ารับรองถือเป็นค่าใช้จ่ายต้องห้ามที่ไม่สามารถนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในทางภาษีได้ อย่างไรก็ตามรู้หรือไม่ว่าค่ารับรองบางอย่างที่เข้าเงื่อนไข หลักเกณฑ์ของสรรพากร ก็สามารถนำมาเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้ เช่นเดียวกัน
ค่ารับรองคืออะไร?
ค่ารับรอง ยกตัวอย่างเช่น ค่าที่พัก ค่าพาหนะ ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าอาหารและเครื่องดื่ม ตามกฎหมายจะถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายต้องห้าม เนื่องจากทางกรมสรรพากรเข้าใจดีว่าค่าใช้จ่ายประเภทดังกล่าวมีโอกาสมากที่จะมีการนำค่าใช้จ่ายส่วนตัวมาลงบันทึกบัญชี ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้เกี่ยวเนื่องกับกิจการ
ค่ารับรองเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้หรือไม่?
เนื่องจากค่ารับรองเป็นค่าใช้จ่ายต้องห้าม ดังนั้นค่าใช้จ่ายดังกล่าวจึงไม่สามารถนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในทางภาษีได้ จะต้องบวกกลับในการคำนวณภาษี (ยกเว้นค่ารับรองที่เข้าเงื่อนไข ซึ่งจะอธิบายในหัวข้อถัดไป) แต่อาจสามารถนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในทางบัญชีได้หากว่ามีการจ่ายจริง เราลองมาดูตัวอย่างในการบวกกลับทางภาษีกันดังนี้
สมมติบริษัท A มีรายได้ 100 บาท มีค่าใช้จ่าย (ที่ไม่รวมค่ารับรอง) 80 บาท และมีค่ารับรองจำนวน 5 บาท ดังนั้นงบกำไรขาดทุนของกิจการในทางบัญชีและทางภาษี สามารถแสดงได้ดังนี้
ในทางบัญชี หากว่าค่ารับรองหากว่าค่ารับรองดังกล่าวมีการจ่ายจริงก็จะต้องบันทึกรายการดังกล่าวเป็นค่าใช้จ่าย ดังนั้นกำไรขาดทุนทางบัญชีนั้นจะอยู่ที่
กำไรขาดทุนทางบัญชี = รายได้ – ค่าใช้จ่าย (ที่ไม่รวมค่ารับรอง) – ค่ารับรอง
กำไรขาดทุนทางบัญชี = 100 – 80 -5
กำไรขาดทุนทางบัญชี = 15 บาท
ในทางภาษี เนื่องจากค่ารับรองถือเป็นค่าใช้จ่ายต้องห้าม จึงไม่ต้องนำค่ารับรองมาเป็นค่าใช้จ่าย ดังนั้นกำไรขาดทุนทางภาษีนั้นจะอยู่ที่
กำไรขาดทุนทางบัญชี = รายได้ – ค่าใช้จ่าย (ที่ไม่รวมค่ารับรอง)
กำไรขาดทุนทางบัญชี = 100 – 80
กำไรขาดทุนทางภาษี = 20 บาท
แต่ในความเป็นจริงไม่มีใครมานั่งทำงบกำไรขาดทุนทางภาษีอีกรอบ จึงต้องนำเอากำไรขาดทุนทางบัญชีมาตั้งต้น และทำรายการบวกกลับ เพื่อคำนวณหากำไรขาดทุนทางภาษีแทน เพื่อเสียภาษี ดังนี้
กำไรทางภาษี 20 บาท จะถูกนำไปคำนวณภาษีของบริษัทต่อไป
ดูวิธีการคำนวณภาษีได้ที่นี่ : ภาษีเงินได้นิติบุคคลคืออะไร?
หลักเกณฑ์ที่สามารถนำค่ารับรองมาเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้
อย่างไรก็ตาม ตามกฎหมายกำหนดให้ค่ารับรองที่เข้าเงื่อนไขนั้นสามารถนำมาเป็นค่าใช้จ่ายได้ เงื่อนไขดังกล่าวมีดังนี้
- เป็นค่ารับรองที่จำเป็นตามธรรมเนียม ประเพณี ทางธุรกิจทั่วไป และบุคคลที่ได้การรับรองต้องไม่ใช่ลูกจ้าง เว้นแต่ ลูกจ้างดังกล่าวนั้นมีหน้าที่ในการเข้าร่วมการรับรองนั้นด้วย
- ค่ารับรองนั้นจะต้องก่อให้เกิดประโยชน์ต่อกิจการ
- เป็นค่าสิ่งของที่ให้แก่บุคคลซึ่งได้รับการรับรองหรือรับบริการไม่เกินคนละ 2,000 บาท ในแต่ละคราวที่มีการรับรองหรือการบริการ
- ค่ารับรองนั้นต้องมีผู้มีอำนาจอนุมัติสั่งจ่าย และมีหลักฐานในการจ่ายประกอบ เช่น ใบเสร็จรับเงิน เป็นต้น
อย่างไรก็ตามหากจะนำค่ารับรองมาเป็นค่าใช้จ่ายก็จะมีลิมิต คือ สามารถนำค่ารับรองมาเป็นค่าใช้จ่ายได้ไม่เกิน 0.3% ของรายได้ หรือ ของทุนที่ได้รับชำระแล้ว แล้วแต่อย่างใดจะสูงกว่า (รายได้ หรือ ทุนชำระแล้ว) ทั้งนี้สูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาท ยกตัวอย่างเช่น
ตัวอย่าง : ทุนชำระแล้ว 1,000,000 บาท รายได้ 2,000,000 บาท ค่ารับรอง 7,000 บาท
เปรียบเทียบ รายได้ 2,000,000 บาท > ทุนชำระแล้ว 1,000,000 บาท
ค่ารับรองที่สามารถเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้ = รายได้ (ตัวที่มากกว่า) x 0.3%
ค่ารับรองที่สามารถเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้ = 2,000,000 x 0.3%
ค่ารับรองที่สามารถเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้ = 6,000 บาท
ค่ารับรองที่บันทึกบัญชีคือ 7,000 บาท แต่เป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้ 6,000 จึงต้องบวกกลับ 1,000 บาท ในการคำนวณภาษีของบริษัท
สรุป
ค่ารับรองเป็นค่าใช้จ่ายอีกตัว ที่ต้องใช้ความรู้ทางบัญชี ภาษี เพื่อวางแผนภาษีให้ถูกต้อง เพื่อให้กิจการได้รับประโยชน์สูงสุด หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกท่านนะครับ
ติดต่อมาได้เลยครับ ผมยินดีให้คำปรึกษา
(คุณวิน 087-6732884 Line ID : @618kssyt)
ติดต่อ Line ดูรีวิวจากลูกค้าช่วยแชร์บทความให้หน่อยครับ