ลดหย่อนภาษี เป็นตัวที่นำไปหักออกจากเงินได้พึงประเมินก่อนการคำนวณภาษีเงินได้ของบุคคล ดังนั้นการลดหย่อนภาษีจะเป็นตัวช่วยลดภาษีที่เราต้องจ่าย หากเรามีความเข้าใจถึงประโยชน์และสิทธิประโยชน์ของค่าลดหย่อนภาษีในแต่ละตัวจะทำให้เราวางแผนภาษีได้อย่างถูกต้อง ในบทความนี้เราจะมาทำความเข้าใจการค่าลดหย่อนกัน
สารบัญ
- ทำความเข้าใจการคำนวณภาษีเงินได้ของบุคคล
- อธิบายความสำคัญและประเภทของการลดหย่อนภาษี
- ค่าลดหย่อนภาษีในกลุ่มส่วนตัวและครอบครัว
- ค่าลดหย่อนภาษีในกลุ่มการลงทุน การออม ประกันสังคม และการทำประกัน
- ค่าลดหย่อนภาษีในกลุ่มเงินบริจาค
- ค่าลดหย่อนภาษีในกลุ่มการกู้เงินเพื่อที่อยู่อาศัย
- ค่าลดหย่อนภาษีในกลุ่มโครงการรัฐ
- สรุป
ทำความเข้าใจการคำนวณภาษีเงินได้ของบุคคล
ก่อนจะอธิบายในเรื่องค่าลดหย่อนภาษี เราต้องทำความเข้าใจสมการในการคำนวณภาษีกันก่อน ในการคำนวณภาษีเงินได้ของบุคคลนั้นจะมีสูตรในการคำนวณดังนี้
เงินได้สุทธิ = เงินได้พึงประเมิน – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อนภาษี
ภาษีเงินได้ของบุคคล = เงินได้สุทธิ x อัตราภาษี
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : วิธีการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
อธิบายความสำคัญและประเภทของการลดหย่อนภาษี
จะเห็นได้ว่าค่าลดหย่อนภาษีเป็นตัวแปรหนึ่งที่มีความสำคัญในการคำนวณภาษี เนื่องจากใช้เป็นตัวหักออกจากเงินได้พึงประเมินเพื่อหาเงินได้สุทธิ ดังนั้นเราจึงมีความเข้าใจในค่าลดหย่อน จะได้นำมาใช้ให้ถูกต้อง
ค่าลดหย่อนจะมีหลายตัวมาก หากนำมาค่าลดหย่อนมาจัดกลุ่มเพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจ จะสามารถจัดกลุ่มออกมาได้เป็น 5 ประเภทหลักๆดังนี้
- ค่าลดหย่อนภาษีในกลุ่มส่วนตัวและครอบครัว
- ค่าลดหย่อนภาษีในกลุ่มการลงทุน การออม ประกันสังคม และการทำประกัน
- ค่าลดหย่อนภาษีในกลุ่มเงินบริจาค
- ค่าลดหย่อนภาษีในกลุ่มการกู้เงินเพื่อที่อยู่อาศัย
- ค่าลดหย่อนภาษีในกลุ่มโครงการรัฐ
1) ค่าลดหย่อนภาษีในกลุ่มส่วนตัวและครอบครัว
ค่าลดหย่อนภาษีในกลุ่มนี้ ผู้เสียจะภาษีจะไม่สามารถบริหารจัดการอะไรบ้าง เนื่องจากเป็นค่าลดหย่อนที่เกิดจากสถานภาพของแต่ละคน สามารถสรุปได้ดังนี้
- ค่าลดหย่อนส่วนตัว ใช้ได้ที่ 60,000 บาท
- ค่าลดหย่อนคู่สมรส ใช้ได้ที่ 60,000 บาท สำหรับผู้สมรสที่จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย และคู่สมรสจะต้องไม่มีเงินได้
- ค่าลดหย่อนเลี้ยงดูบิดา มารดา ของตนและคู่สมรส สามารถหักค่าลดหย่อนได้เดือนละ 30,000 บาท และบิดามารดาจะต้องมีอายุมากกว่า 60 ปี และมีรายได้ต่อปีไม่เกิน 30,000 บาท
- ค่าลดหย่อนบุตร ใช้ได้ที่คนละ 30,000 บาท โดยจะต้องเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายหรือบุตรบุญธรรม หากมีบุตรคนที่ 2 เป็นต้นไปที่เกิดในปี 2561 เป็นต้นไป หักค่าลดหย่อนภาษีได้ที่ 60,000 บาท
หมายเหตุ : กรณีที่เป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายสามารถหักค่าลดหย่อนได้ตามจำนวนบุตรจริง หากเป็นบุตรบุญธรรม สามารถหักค่าลดหย่อนได้เดือนละ 30,000 บาท จำนวนสูงสุดไม่เกิน 3 คน
- ค่าลดหย่อนภาษีกรณีอุปการะผู้พิการ สามารถหักค่าลดหย่อยได้จำนวน 60,000 บาท โดยที่ผู้พิการจะต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี
- ค่าลดหย่อนการฝากครรภ์และคลอดบุตร สามารถลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริงและไม่เกิน 60,000 บาท ต่อปี สามีสามารถนำมาใช้ได้ในกรณีที่ภรรยาไม่มีเงินได้ ส่วนเอกสารหลักฐานที่ประกอบการใช้ค่าลดหย่อนคือใบเสร็จรับเงินและใบรับรองแพทย์ ที่ผู้เสียภาษีได้จ่ายไป
2) ค่าลดหย่อนภาษีในกลุ่มการลงทุน การออม ประกันสังคม และการทำประกัน
ค่าลดหย่อนภาษีในกลุ่มนี้ ผู้เสียจะภาษีจะสามารถบริหารจัดการได้ โดยดูว่าผู้เสียภาษีมีความเสี่ยงในด้านใดก็ควรปิดความเสี่ยงนั้น โดยสามารถลงทุนในกองทุนเพิ่มเติม หรือทำประกัน เพื่อปิดความเสี่ยงและยังได้ผลประโยชน์ทางด้านภาษีอีกด้วย ค่าลดหย่อนในกลุ่มนี้ประกอบด้วย
- เงินประกันสังคม สามารถหักค่าลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 7,200 บาท – 9,000 บาท
- เบี้ยประกันชีวิตและประกันแบบสะสมทรัพย์ สามารถหักค่าลดหย่อนได้ตามจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท (เงื่อนไขเพิ่มเติมสำหรับเบี้ยประกันชีวิตคือจะต้องมีระยะเวลาคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป)
- เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ สามารถนำมาหักค่าลดหย่อนภาษีได้ 15% ของเงินได้ที่เสียภาษีแต่ไม่เกิน 200,000 บาท
- เบี้ยประกันสุขภาพของพ่อแม่ ลดหย่อนได้จามจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท โดยมีเงื่อนไขเพิ่มเติมว่าพ่อมีจะต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี
- เบี้ยประกันสุขภาพ สามารถหักค่าลดหย่อนได้ตามจริงแต่ไม่เกิน 25,000 แต่หากรวมกับเบี้ยประกันชีวิตแล้วจะต้องไม่เกิน 100,000 บาท
- กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) สามารถนำมาหักค่าลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี และไม่เกิน 500,000 บาท
- กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) สามารถนำมาหักค่าลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี และไม่เกิน 200,000 บาท
- กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) สามารถนำมาหักค่าลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 13,200 บาท
- เงินลงทุนในธุรกิจวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ผู้ถือหุ้น หรือ ผู้ที่ลงทุนใน SE สามารถนำมาหักเป็นค่าลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
3) ค่าลดหย่อนภาษีในกลุ่มเงินบริจาค
ค่าลดหย่อนภาษีในกลุ่มนี้ ผู้เสียจะภาษีจะสามารถบริหารจัดการได้เช่นเดียวกัน โดยผู้เสียภาษีคนใดที่ต้องการแบ่งปันเงินหรือทรัพยากรที่ตนเองมีให้แก่ผู้อื่น ก็สามารถนำมาเป็นค่าลดหย่อนได้ตามที่กฎหมายกำหนด ค่าลดหย่อนในกลุ่มนี้มีดังต่อไปนี้
- เงินบริจาคทั่วไป สามารถนำมาหักค่าลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังจากหักเงินค่าลดหย่อน
- เงินบริจาคเพื่อการศึกษา กีฬา การพัฒนาสังคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ สามารถหักค่าลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่าของเงินบริจาคจริง สูงสุดไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังจากหักเงินค่าลดหย่อนภาษี
- เงินบริจาคให้แก่พรรคการเมือง สามารถหักค่าลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 10,000 บาท
5) ค่าลดหย่อนภาษีในกลุ่มโครงการรัฐ
โครงการช้อปดีมีคืน 2565 สามารถนำมาเป็นค่าลดหย่อนได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 30,000 บาท สำหรับการซื้อสินค้า บริการ ตั้งแต่วันที่ 01/01/65 – 15/02/65 โดยสินค้าที่นำมาหักได้คือ สินค้า OTOP สินค้าหมวดหนังสือ เป็นต้น
ติดต่อมาได้เลยครับ ผมยินดีให้คำปรึกษา
(คุณวิน 087-6732884 Line ID : @618kssyt)
ติดต่อ Line ดูรีวิวจากลูกค้า