วางแผนภาษีขายของออนไลน์
ผู้เริ่มต้นธุรกิจออนไลน์ การวางแผนภาษีขายของออนไลน์นั้นมีความสำคัญมาก หากเริ่มต้นด้วยความรู้และข้อมูลที่ถูกต้องก็จะช่วยลดปัญหาทางด้านภาษีในอนาคตได้
“เรายินดีให้บริการรับวางแผนภาษีขายของออนไลน์
คิดค่าบริการที่ 10,000 บาท”
สารบัญ
- ทำไมจึงต้องมีการวางแผนภาษีขายของออนไลน์
- อธิบายธุรกรรมลักษณะเฉพาะที่สรรพากรจะได้รับจากธนาคาร
- ขั้นตอนการวางแผนภาษีขายของออนไลน์ 1 : วิเคราะห์โครงสร้างรายได้และค่าใช้จ่าย ของธุรกิจ
- ขั้นตอนการวางแผนภาษีขายของออนไลน์ 2 : ทดสอบการคำนวณภาษีจริงในแต่ละรูปแบบการทำธุรกิจ (นิติบุคคล, บุคคลธรรมดา-หักค่าใช้จ่ายตามจริง, บุคคลธรรมดา-หักค่าใช้จ่ายแบบเหมา)
- ขั้นตอนการวางแผนภาษีขายของออนไลน์ 3 : เลือกรูปแบบธุรกิจที่ประหยัดภาษีและมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ต่ำที่สุด
- ขั้นตอนการวางแผนภาษีขายของออนไลน์ 4 : อธิบายรูปแบบธุรกิจที่เลือกว่าจะต้องดำเนินการทางด้านบัญชีและภาษีอย่างไรบ้าง
- สรุป
ทำไมจึงต้องมีการวางแผนภาษีขายของออนไลน์
ในการเริ่มต้นประกอบธุรกิจแน่นอนว่าคุณจะไม่ทราบว่าเราควรจะทำธุรกิจในรูปแบบใดจึงจะสามารถประหยัดภาษีได้มากที่สุด ในปัจจุบันการประกอบธุรกิจจะมี 3 รูปแบบให้คุณเลือกดังนี้
- บุคคลธรรมดา – หักค่าใช้จ่ายแบบเหมา
- บุคคลธรรมดา – หักค่าใช้จ่ายตามจริง
- นิติบุคคล
แล้ววิธีไหนหล่ะที่สามารถประหยัดภาษีให้เราได้มากที่สุด อันนี้คือสิ่งที่จำเป็นต้องให้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วยวิเคราะห์เพราะต้องใช้ทักษะและความรู้เฉพาะด้านพอสมควร
ในช่วงที่ผ่านมาในฐานะที่ผมเป็นผู้สอบบัญชีและอยู่ในแวดวงบัญชีภาษี ก็มักจะได้รับโทรศัพท์ขอคำปรึกษาในเรื่อง ถูกสรรพากรตรวจสอบและเรียกภาษีย้อนหลัง มีตั้งแต่กรณีหลักหลายหมื่นไปจนถึงหลักหลายล้าน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็เป็นผู้ประกอบการที่ขายของออนไลน์
ลองดูตัวอย่างกรณีศึกษากระทู้ใน Pantip เหล่านี้ได้ครับ
โดนสรรพากรเรียกเครียดมากค่ะ เพราะมีรายรับเกิน 1.8 ล้านต่อปี
https://pantip.com/topic/30887901
โดนสรรพากรแจ้งผลสำรวจภาษีรายได้บุคคล ขายของออนไลน์
https://pantip.com/topic/39563856
โดนสรรพากรเรียกให้ไปจ่ายภาษีบุคคลธรรมดา ทั้งๆที่ยังเรียนอยู่และไม่เคยค้าขาย ทำอย่างไรดี
https://pantip.com/topic/36099534
เพราะฉะนั้นหากคุณทำธุรกิจขายของออนไลน์เรื่องการวางแผนภาษีขายของออนไลน์นั้นมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะหากทำผิดไปแล้ว และถูกสรรพากรจับได้ ค่าภาษี+ค่าปรับ ที่เกิดขึ้นสามารถทำให้เราหมดตัวได้เลยทีเดียวครับ
อธิบายธุรกรรมลักษณะเฉพาะที่สรรพากรจะได้รับจากธนาคาร
คุณรู้หรือไม่ว่านับตั้งแต่ปี 2563 ทางธนาคารจะส่งข้อมูลของเรา (ทั้งบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล) ที่เข้าเงื่อนไขของลักษณะธุรกรรมเฉพาะให้แก่กรมสรรพากร เมื่อกรมสรรพากรได้รับข้อมูลแล้วก็สามารถนำข้อมูลที่ได้รับจากธนาคารไปวิเคราะห์เปรียบเทียบกับข้อมูลในการยื่นแบบภาษีของเราว่าเรามีแนวโน้มที่จะยื่นรายได้เพื่อเสียภาษีครบถ้วนหรือไม่
ลักษณะธุรกรรมเฉพาะมีดังนี้
- มีการฝากหรือรับโอนเงินทุกบัญชีของธนาคารเดียวกันรวมในปีเดียวตั้งแต่ 3,000 ครั้ง หรือคิดเป็นค่าเฉลี่ยเดือนละ 250 ครั้ง หากคุณมียอดการฝากหรือรับโอนเงินเกินกว่านี้ข้อมูลจะถูกส่งให้แก่กรมสรรพากร
- มีการฝากหรือรับโอนเงินทุกบัญชีของธนาคารเดียวกันรวมในปีเดียวตั้งแต่ 400 ครั้ง และมียอดรวมของการฝากหรือรับโอนรวมกันตั้งแต่ 2,000,000 บาทขึ้นไป หากคุณมียอดและจำนวนเงินการฝากหรือรับโอนเงินเกินกว่านี้ข้อมูลจะถูกส่งให้แก่กรมสรรพากร
หน่วยงานที่มีหน้าที่รายงานข้อมูลให้สรรพากร
- ธนาคาร
- ผู้ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ (เช่น mPAY, TrueMoney, Rabbit Line Pay)
ข้อมูลที่สรรพากรได้รับ
- เลขบัตรประจำตัวประชาชน หรือ เลขนิติบุคคล
- ชื่อนามสกุลบุคคล หรือ ชื่อบริษัท
- จำนวนครั้งของการฝาก/รับโอนเงิน
- ยอดรวมจำนวนเงินของการฝาก/รับโอนเงิน
- เลขที่บัญชีที่มีการฝาก/รับโอนเงิน
ขั้นตอนการวางแผนภาษีขายของออนไลน์ 1 : วิเคราะห์โครงสร้างรายได้และค่าใช้จ่าย ของธุรกิจ
ในการประกอบธุรกิจและการเสียภาษี ผมคิดว่ามี 3 รูปแบบหลักๆดังนี้
- บุคคลธรรมดา – หักค่าใช้จ่ายแบบเหมา
- บุคคลธรรมดา – หักค่าใช้จ่ายตามจริง
- นิติบุคคล
การวางแผนภาษีขายของออนไลน์ ในขั้นตอนแรกทางผมจะวิเคราะห์ตัวธุรกิจของคุณ โดยจะเน้นทำความเข้าใจโครงสร้างรายได้ ค่าใช้จ่าย และจะมีการจัดทำตัวเลขประมาณการทั้ง รายได้ / เงินได้พึงประเมิน, ค่าใชจ่าย, กำไร / เงินได้สุทธิ เพื่อนำมาใช้เป็นฐานในการคำนวณภาษี
ขั้นตอนการวางแผนภาษีขายของออนไลน์ 2 : ทดสอบการคำนวณภาษีจริงในแต่ละรูปแบบการทำธุรกิจ
การวางแผนภาษีขายของออนไลน์ หลังจากที่ได้ตัวเลขประมาณการของ รายได้ / เงินได้พึงประเมิน, ค่าใชจ่าย, กำไร / เงินได้สุทธิ ทางผมจะนำมาคำนวณ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา / ภาษีเงินได้นิติบุคคล เพื่อให้ได้ตัวเลขภาษีในแต่ละรูปแบบธุรกิจออกมา
ขั้นตอนการวางแผนภาษีขายของออนไลน์ 3 : เลือกรูปแบบธุรกิจที่ประหยัดภาษีและมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ต่ำที่สุด
การวางแผนภาษีขายของออนไลน์ เมื่อได้ตัวเลขภาษีในการทำธุรกิจแต่ละประเภทแล้ว เราจะนำมาวิเคราะห์รวมกับค่าใช้จ่ายดำเนินงานส่วนเพิ่ม (เช่น ค่าทำบัญชี ค่าสอบบัญชี จะมีเพียงแค่บริษัท แต่บุคคลธรรมดาจะไม่มีค่าใช้จ่ายดังกล่าว) เพื่อคำนวณหาความคุ้มค่าในการทำธุรกิจแต่ละประเภท ว่าทำธุรกิจแบบใดสามารถประหยัดภาษีและต้นทุนการดำเนินงานส่วนเพิ่มได้ดีที่สุด
ขั้นตอนการวางแผนภาษีขายของออนไลน์ 4 : อธิบายรูปแบบธุรกิจที่เลือกว่าจะต้องดำเนินการทางด้านบัญชีและภาษีอย่างไรบ้าง
การวางแผนภาษีขายของออนไลน์ เมื่อเราเลือกธุรกิจที่เหมาะสม สามารถประหยัดภาษีและต้นทุนการดำเนินงานส่วนเพิ่มได้ดีที่สุด เรียบร้อยแล้ว ทางผมจะเข้ามาอธิบายเพิ่มเติมว่าในรูปแบบธุรกิจที่เลือกควรจะจัดทำและจัดเก็บเอกสารในรูปแบบใดบ้าง รวมทั้งการช่วยหาผู้ทำบัญชีที่ดีๆมา Support เรื่องงานเอกสารต่างๆ
สรุป
การวางแผนภาษีขายของออนไลน์เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆหากเราวางแผนมาก่อน และทำธุรกิจด้วยความรู้ทางด้านบัญชีและภาษี และเสียภาษีอย่างถูกต้อง ก็จะทำให้เราสามารถทำธุรกิจด้วยความสบายใจและไม่ต้องมากังวลในเรื่องภาษีต่างๆที่จะถูกสรรพากรเรียกตรวจสอบย้อนหลัง
ผมจึงคิดว่าบริการ วางแผนภาษีขายของออนไลน์ น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกท่านด้วยราคาที่คุ้มค่า